สูตรไม่ลับ ลดความอ้วนฉบับชีวจิต
ลดความอ้วนด้วยตัวเอง
การลดน้ำหนักแบบชีวจิตนั้น นอกจากจะเน้นในเรื่องอาหารและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอแล้ว การทำสมาธิหรือรีแล็กเซซั่นก็สำคัญไม่แพ้กันค่ะ
การออกกำลังกาย ทำให้เกิดการเผาผลาญอาหารเร็วขึ้น ร่างกายกระปรี้กระเปร่า สุขภาพแข็งแรง รูปร่างดีขึ้นและที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ต้องเสียเงินไปชื้อยาลดความอ้วน
การออกกำลังกายให้ได้ผลต้องให้ถึงพีค กล่าวคือ จนเหงื่อโซมกาย รู้สึกเหนื่อย หัวใจเต้นแรง ชีพจรเต้น 120 ครั้งต่อนาที เมื่อถึงพีค ร่างกายจะได้ยาวิเศษหรือได้รับสารแห่งความสุข นั่นคือเอนดอร์ฟินจะหลั่งออกมา ทำให้รู้สึกปลอดโปร่งและมีความสุข เพราะฉะนั้นควรจะหาเวลาออกกำลังกายแบบไหนก็ได้ให้ถึงพีค
เทคนิคการออกกำลังกายสำหรับคนอ้วน
- พยายามออกกำลังกายด้วยวิธีไหนก็ได้วันละ 30 นาที
- พยายามเดินให้มากขึ้น เพราะการเดินเป็นการเริ่มต้นออกกำลังกายที่ดี
- เพิ่มการเคลื่อนไหวออกแรงในชีวิตประจำวัน เช่น เดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์หรือบันไดเลื่อน
- หลังจากเริ่มต้นออกกำลังกายด้วยการเดินแล้ว ให้ออกกำลังกายที่เป็นแบบแผนมากขึ้น เช่น รำกระบอง ขี่จักรยาน เต้นแอโรบิก หรือวิ่ง
- เลือกออกกำลังกายตามที่สนใจ เช่น รำกระบอง ว่ายน้ำ ตีเทนนิส ตีปิงปอง วิ่ง ฯลฯ
- ควรออกกำลังกายขณะที่ร่างกายพร้อมเท่านั้น และทำอย่างต่อเนื่องให้เป็นกิจวัตร
รีแล็กเซชั่น (Relaxation) นอกจากจะมีปัญหาด้านสุขภาพกายแล้ว คนอ้วนยังมีเรื่องความเครียดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย การลดน้ำหนักแบบชีวจิตจึงนำการทำสมาธิเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการลดความอ้วนด้วย โดยจะเน้นในเรื่องของสมอง ด้วยการฝึกร่างกายให้ผ่อนคลาย เพื่อให้การหมุนเวียนของเลือดในร่างกายและสมองดีขึ้น นอกจากนั้นจิตใจที่แน่วแน่จะสามารถติดต่อกับสมองส่วนกลางได้ แล้วจะสามารถบังคับส่วนที่เป็นนิสัยเกี่ยวกับเรื่องกินได้
กิน...ลดอ้วน
ในแต่ละวันกองบรรณาธิการนิตยสารชีวจิตได้รับคำถามเข้ามาเยอะเหลือเกินค่ะ ว่าสูตรลดความอ้วนแบบชีวจิตนั้นมีอะไรบ้าง บรรทัดต่อไปนี้เรามีคำตอบมาไขข้อข้องใจแล้วค่ะ
แต่ก่อนที่จะไปพบกับสูตรอาหารลดความอ้วนฉบับชีวจิต เรามีคำแนะนำการฝึกวินัยในการกินอาหารที่ถูกวิธีมาฝากหากทำได้ รับรองว่าไม่อ้วนแน่นอนค่ะ
เทคนิคในการกินให้น้อยลง
- จำกัดตัวเองในการออกไปกินเลี้ยงนอกบ้าน
- ไม่ชื้ออาหารตุนไว้เต็มตู้
- ไม่วางของกินล่อตาล่อใจให้แวะเวียนไปหยิบกิน
- ตักอาหารครั้งละน้อยๆ เพื่อว่าจะได้ไม่ต้องเติมข้าวอีกเพราะกับข้าวเหลือ
- ฝึกเคี้ยวอาหารช้าๆ จะช่วยให้อาหารละเอียดและกินได้น้อยลง
- พยายามท่องให้ขึ้นใจว่า อาหารที่กินมากไปจะเข้าไปบูดเน่าอยู่ในท้องเรา สะสมเป็นไขมัน ต้องรู้จักกินให้พออิ่มไม่ใช่อด แต่กินอย่างรู้ทันและมีคุณภาพ
กินอาหารให้สมดุล
กินให้หลากหลายและในปริมาณที่พอเหมาะ เช่น ไม่กินผักผลไม้ชนิดใดชนิดเดียว แต่ควรจะกินให้หลากหลายประเภทเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีคุณค่าอย่างครบถ้วน
ลดอาหารให้ถูกวิธี
การกินอาหารแบบอดมื้อกินมื้ออาจเกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ ทำให้ร่างกายรู้สึกโหย ส่งผลให้การกินอาหารในมื้อถัดไปเพิ่มมากกว่าปกติ ควรกินในปริมาณที่พอเหมาะครบคุณค่าทางโภชนาการ ร่างกายจะเกิดความสมดุล อิ่มพอดี ไม่กระวนกระวายหาอะไรกินอีก
ทฤษฎีแมคโครไบโอติกส์ระบุว่า คนที่กินแล้วยังอยากโน่นอยากนี่ แปลว่าอาหารที่กินเข้าไปไม่มีสารอาหารตามที่ร่างกายต้องการ
การลดน้ำหนักโดยการกินอาหารน้อยๆ จะทำให้เกิดอาการเฉื่อยชา บางคนชอบแอบงีบกลางวัน มีอาการหาวเสมอๆ มักไม่ชอบเดินทางไปไหน ชอบนั่งโต๊ะอยู่กับที่มากกว่า นั่นเป็นเพราะร่างกายจะไม่ค่อยมีกล้ามเนื้อ ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง การควบคุมอาหารจะทำให้การเผาผลาญอาการในร่างกายลดลง ซึ่งผลก็คือทำให้เป็นการยากที่จะลดน้ำหนักลงได้
สูตรไม่ลับ ไดเอ็ทฉบับชีวจิต
สืบเนื่องมาจากอาจารย์สาทิสได้คิดค้นสูตรอาหารลดความอ้วนแบบชีวจิต และได้ทดลองกับเหล่าคนอ้วนที่เคยไปเข้าคอร์สอุดมสมบูรณ์ที่เชียงใหม่ โดยมี คุณอาฉินโฉม อินทรกำแหง รับอาสาเป็นแม่ครัวกิตติมศักดิ์ ปรุงอาหารชีวจิตรสเลิศให้กิน ปรากฏว่ามีคนอ้วนที่สามารถลดน้ำหนักเพราะสูตรอาหารดังกล่าวกว่า 5 - 6 กิโลหรัม บางคนน้ำหนักลดลงภายในเวลาไม่กี่วันกว่า 10 กิโลกรัม
สูตรอาหารลดความอ้วนส่วนใหญ่ดัดแปลงมาจากอาหารชีวจิตที่มีอยู่เดิม แต่ลดปริมาณในการกินตามสัดส่วนที่เหมาะสม โดยอาจารย์สาทิสกล่าวว่า อาหารลดความอ้วนแบบชีวจิตขนานแท้จะมีอยู่ 2 สูตรให้เลือกกินและเลือกปฏิบัติให้เหมาะกับตนเอง ลองมาดูกันเลยค่ะว่าเป็นอย่างไร
สูตร 1 สำหรับคนที่อยากมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง แต่ไม่เน้นเรื่องความสวยงาม ควรทำตามอาหารสูตรนี้เหมาะที่สุดค่ะ ซึ่งประกอบไปด้วย
- อาหารจำพวกแป้งหรือคาร์โบไฮเดรต ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ต่อมื้อ
- ผัดสดหรือผักสุก ประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์ต่อมื้อ
- โปรตีนจากพืชจำพวกถั่วต่างๆ เช่น ถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วเขียว ถั่วเหลือง และผลผลิตจากพืช เช่น เต้าหู้ โปรตีนเกษตร ประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ต่อมื้อ
- เบ็ดเตล็ด เช่น สาหร่ายทะเล เมล็ดพืชกินเล่นจำพวกเมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง รวมทั้งผลไม้ต่างๆ ที่มีรสไม่หวาน เช่น มะละกอ สับปะรด ฝรั่ง มะม่วงดิบ ส้มเขียวหวาน ส้มโอ นอกจากนี้ยังมีจำพวกซุปฟักทอง มิโซซุป มื้อละถ้วยเล็กๆ แกงจืดหรือแกงเลียง ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์
สูตรที่ 2 เหมาะสำหรับคนที่อยากจะมีรูปร่างสวยงามสมส่วน คนที่เป็นโรคหัวใจและโรคเบาหวานก็สามารถใช้สูตรนี้ได้เช่นกัน โดยมีสัดส่วนของอาหารดังนี้
- อาหารจำพวกแป้งหรือคาร์โบไฮเดรต ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ต่อมื้อ
- ผักสดหรือผักสุก ประมาณ 35 เปอร์เซ็นต์ต่อมื้อ
- โปรตีนจากพืชจำพวกถั่วต่างๆ เช่น ถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วเขียว ถั่วเหลือง และผลผลิตจากพืช เช่น เต้าหู้ โปรตีนเกษตร ประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์ต่อมื้อ
- เบ็ดเตล็ด เช่น สาหร่ายทะเล เมล็ดพืชกินเล่นจำพวกเมล็ดทานตะวั้น เมล็ดฟักทอง รวมทั้งผลไม้รสไม่หวานต่างๆ เช่น มะละกอ สับปะรด ฝรั่ง มะม่วงดิบ ส้มเขียวหงาน ส้มโอ นอกจากนี้ยังมีจำพวกซุปฟักทอง มิโซซุปมื้อละถ้วยเล็กๆ แกงจือหรือแกงเลียง ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ต่อมื้อ
และคุณอาฉินโฉมยังมีเมนูอาหารในแต่ละมื้อมาฝากกันดังต่อไปนี้ค่ะ
- มื้อเช้า ได้แก่ จำพวกข้าวต้มอาร์.ซี. หรือข้าวต้มข้าวกล้อง ปลาตัวเล็กทอด ต้มจับฉ่าย ยำเห็ดรวมมิตร คะน้าปลาเค็ม
- มื้อกลางวัน ได้แก่ ข้าวสวยกล้อง ผัดผัก น้ำพริกหรือลาบปลาทูน่า และผักสดผักต้มสำหรับจิ้มน้ำพริก พยายามหาเมนูที่ทำให้ได้กินผักเยอะ เพราะจำทำให้ระบบขับถ่ายคล่อง
- มื้อค่ำ ควรเป็นอาหารเบาๆ ย่อยง่าย จำพวกซุปฟักทอง มิโซซุป เป็นต้น เพราะมื้อค่ำไม่ควรกินเมนูหนักเกินไป
หากรู้สึกหิวในช่วงกลางคืนหรือช่วงก่อนเข้านอน ให้กินกล้วยน้ำว้าทดแทนประมาณ 1-2 ลูก เพราะในกล้วยน้ำว้ามีสารไฟเบอร์ที่สามารถละลายเคลือบผิวกระเพาะอาหาร ทำปฏิกิริยากับกรดทำให้เกิดสารเจลาตินทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและอิ่มนาน ความอยากอาหารก็จะลดลง
จะอ้วนหรือผอมไม่ใช่เรื่องสำคัญ ตราบใดที่สุขภาพร่างกายของเราแข็งแรง อารมณ์แจ่มใส และมีความสุขกับการใช้ชีวิต เพียงเท่านี้ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
อย่างไรก็ตาม การลดความอ้วนแบบชีวจิตนั้น เรื่องสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ต้องมาก่อน ส่วนเรื่องของความสวยงามเป็นเรื่องของผลพลอยได้ค่ะ
ข้อมูลอ้างอิง
- อาหารชีวจิต ตำรับ ดร.สาทิส-ฉินโฉม อินทรกำแหง
- นิตยสาร NATIONNAL GEOGRAPHIC ฉบับภาษาไทย เดือนสิงหาคม 2547
ขอบคุณข้อมูลจาก : นิตยสารชีวจิต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น